WFH อย่างไรให้ไม่ทำลายความสัมพันธ์ของคุณ


และแล้วจวบจนข้ามปี เราก็ได้พบกับการล็อคดาวน์อีกรอบซึ่งทำเอาหลายคนเซ็งไปตามๆกัน หลายคนก็ค้นพบว่าการทำงานที่บ้านนั้นไม่ใช่ทางของตัวเองเลย ไหนจะความเครียดที่ไม่ได้ออกจากบ้านนานๆ ทำให้บางทีพาลกระทบคนในบ้านไปด้วย แต่เราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงมาตรการ Work-from-home ไปได้ เพราะการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังมีอยู่ ที่ทำได้คือการปรับตัว
เราอาจเคยได้ยินข่าวเมื่อปีก่อนหน้าแล้ว เมื่อมีการยกเลิกล็อคดาวน์ที่เมืองซีอานประเทศจีน ปรากฏว่ามีคู่สามีภรรยาไปเข้าคิวฟ้องหย่ากันเยอะมากเป็นปรากฏการณ์ ถึงแม้มันยังไม่ชัดเจนว่าการขอหย่าที่พุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหันนี้เป็นผลมาจากการแยกทางกันอย่างแท้จริงหรือเป็นเพราะช่วงล็อคดาวน์ แต่ก็ไม่ยากที่จะจินตนาการว่าการถูกขังอยู่ในพื้นที่ปิดกับใครบางคนเป็นเวลานานอาจนำไปสู่การกระทบกระทั่งที่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณมีปัญหากันตั้งแต่ก่อนช่วงล็อคดาวน์

สาริตา โรบินสัน วิทยากรด้านจิตวิทยาจาก Central Lancashire University กล่าว “มันมีศักยภาพที่จะไปกระตุ้นให้เกิดการหย่าร้าง เพราะพอคุณต้องอยู่ใกล้ชิดกันนาน ๆ ก็หมายความว่าคุณจะมีเวลาสังเกตคู่ของคุณมากขึ้น อะไรที่เคยมองข้ามกันไปก็อาจถูกหยิบยกมาพูดให้กระทบจิตใจกันได้ง่าย” และจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอพบว่าคู่รักที่ทะเลาะกันเป็นประจำมีการทำงานของภูมิคุ้มกันลดลง โรบินสันกล่าว โดยประสิทธิภาพการรักษาลดลง 40% เมื่อเทียบกับคู่รักที่มีความขัดแย้งน้อย
นาธาน สมิธ นักวิจัยด้านจิตวิทยาและความปลอดภัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ได้กล่าวอีกว่า “ความจำเจและความเบื่อหน่ายซ้ำซาก ขาดความหลากหลาย ในช่วงล็อคดาวน์ ทำให้เกิดความตึงเครียดที่สูงและนำไปสู่ความขัดแย้ง”
วันนี้ ByteHR จึงขอมาแนะนำมีวิธีการทำงาน Work-from-home อย่างไรไม่ให้ทำลายความสัมพันธ์ของคุณและคนในครอบครัว

เปลี่ยนกิจวัตรประจำวันใหม่

เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อคนเราต้องปรับตัวเข้ากับกิจวัตรใหม่ อารมณ์ก็จะแปรปรวนได้ง่าย ซึ่งจะยากในช่วงแรก วิธีปรับตัวคือคุณต้องกำหนดเวลาการใช้ชีวิตประจำวันแบบใหม่ เช่น เพิ่มกิจกรรมออกกำลังกายตอนเช้าแทนช่วงเวลาที่ต้องเดินทางไปทำงาน แบ่งพื้นที่ในบ้านเป็นพื้นที่ทำงานส่วนตัว โดย 30 ตารางเมตรเป็นพื้นที่ในการทำงานที่เหมาะสมที่สุดต่อคน แต่ถ้าบ้านใครพื้นที่ไม่อำนวยก็แค่ลองจัดหาโต๊ะเก้าอี้ จัดสรรเป็นสัดส่วนไว้ซึ่งปลอดคนเดินผ่านไปมา

บ่นให้น้อย เข้าใจให้มาก การบ่นหรือพูดความคับข้องใจออกมาก็เป็นการระบายความเครียดที่ดีอย่างหนึ่ง ถ้าโชคดีมีคนในบ้านที่รับฟัง เข้าใจ และช่วยคิดแก้ปัญหาก็จะช่วยให้คุณจัดการกับความวิตกกังวลหรือความไม่พอใจต่างๆได้ แต่ควรระวังด้วยว่าคุณบ่นมากแค่ไหนเพราะคนเรามีขีดจำกัดไม่เหมือนกัน ถ้าลดได้ก็ขอให้พยายามลด และพยายามมองโลกในแง่ดีเข้าไว้


ความเครียดเป็นสิ่งที่เป็นผลโดยตรงจากการอาศัยอยู่ในพื้นที่จำกัด ยกตัวอย่างเช่น ร้อยละ 85 ในภารกิจจำลองการใช้ชีวิตในอวกาศที่ต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่จำกัดเป็นเวลานาน ลูกเรือที่เกิดความขัดแย้งกันจะมีคะแนนความเครียดสูงสุด แต่ทั้งนี้ตัวนักบินอวกาศเองจะมีขั้นตอนในการจัดการอารมณ์ของตัวเองซึ่งเป็นหนึ่งในงานของพวกเขา คนธรรมดาอย่างเราต้องเรียนรู้ที่จะยับยั้งชั่งใจไม่ให้พูดสิ่งต่างๆที่จะมาเสียใจในภายหลัง วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งคือเอาตัวเองออกจากสถานการณ์ เช่น เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังปล่อยพลังงานในแง่ลบออกมาซึ่งอาจไปกระทบคนที่้บ้านอย่างไม่ตั้งใจ ก็ให้เอาตัวเองอยู่ห่างออกมาจนสงบสติให้ได้ก่อน
โรบินสันแนะนำว่า หากคุณไม่สามารถออกไปข้างนอกได้เลย เขาก็แนะนำวิธีที่ดูจะตลกอยู่สักหน่อยแต่ถูกใช้โดยคนที่ติดอยู่บนเรือสำราญ Diamond Princess นั่นคือเข้าไปสงบอารมณ์ในตู้เสื้อผ้า

หาโอกาสปรับความเข้าใจ
ไม่ใช่ทุกคนจะพบกับจุดแตกหักเสมอไป ในปี 2014 นักวิจัยได้ทำการศึกษาเตรียมการสำหรับภารกิจบนดาวอังคารในอนาคต “พวกเขากักขังกลุ่มคนหกคนในพื้นที่ขนาดเล็กมากเป็นเวลา 520 วัน” สมิธกล่าว “มันเป็นโรงรถที่มีห้องพักของลูกเรือ ผลคือบางคนรู้สึกแย่กว่าคนอื่น ๆ แต่พวกเขาก็ผ่านพ้นไปได้”

อีกตัวอย่างหนึ่งจากคู่สามีภรรยาชาวแคนนาดาอายุหกสิบเศษ เกร็ก และ โรส เยอร์เร็กซ์ ที่ติดโควิดจากเรือสำราญ Diamond Princess ได้ยกช่วงที่ติดบนเรือไว้ว่าเป็นช่วงปรับปรุงความสัมพันธ์ แม้พวกเขาจะไม่มีอาการแต่ก็ยังต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งเป็นเวลาที่พวกเขา “เรียนรู้ที่จะคุยกันอีกครั้ง”
เราแต่งงานกันมาได้สามสิบสี่ปีแล้วและเราก็หลงไปกับนิสัยแย่ ๆ หลายอย่าง” เกร็กบอก “การกักตัวกันยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลาสองสัปดาห์ทำให้เราได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับความกลัว ความหวังและความฝันของกันและกัน”


                                                                                                                                      เกร็ก และ โรส Credit : cnbc.ca

แม้ว่าเราทุกคนจะพยายามให้ผลออกมาในทางที่ดีเหมือนคู่เยอร์เร็กซ์ แต่ก็ควรมีแผนสำรองไว้เสมอ เช่น ถ้าคุณได้ดูซีรี่อเมริกันชื่อดังอย่าง How I met your mother คู่สามี ภรรยาอย่างมาร์แชลและลิลลี่จะตะโกนว่า “Pause” หรือที่แปลว่า “หยุดไว้ก่อน” ที่คิดขึ้นมาเพื่อหยุดการทะเลาะกันก่อนที่อารมณ์จะพลุ่งพล่านไปกว่านี้ และต่างคนต่างไปสงบอารมณ์ก่อนจะมาคุยกันอีกครั้ง
Work-from-home อาจไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสำหรับทุกคน ธรรมชาติของการทำงานของบางคนก็เหมาะที่จะต้องพบปะคน ในแบบที่ระบบออนไลน์ไม่สามารถทำได้ ท้ายที่สุดแล้วคนในบ้านต้องมีการตกลง ร่วมมือที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อให้บ้านเป็นทั้งที่ทำงานที่ดี และเป็นที่ ที่น่าอยู่

Image credit : www.freepik.com

« 7 คำถามที่ควรถามตัวเองหากคุณคิดจะเปลี่ยนงานในช่วง COVID-19สิ่งที่HRทั่วโลกต้องทำในปี2021 จากDeloitte »

Sea
About the author
Khun Sea brings over nine years of diverse professional experience spanning across HR, recruitment and marketing in the technology and startup industries. Currently, she's making her mark in London's hospitality sector, leveraging her vast experience to drive innovative marketing strategies.