ทำไม Reskill และ Upskill ถึงสำคัญกับการพัฒนาองค์กรในปัจจุบัน?


upskill


เมื่อพูดถึงเรื่องการเรียนแล้ว คงไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนชอบนัก และหลายคนคงส่ายหน้า เพราะสิ่งที่เคยเรียนมาหลายอย่างได้คืนครูสมัยเป็นนักเรียนกันไปหมดแล้ว ตัดมาที่ภาพปัจจุบันที่เราต่างอยู่ในวัยทำงานกันแล้ว การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เหมือนจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ยิ่งการจัดการเวลาจากการทำงานเพื่อเรียนสิ่งใหม่ๆ นอกเหนือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ทุกวันก็แทบเป็นไปไม่ได้ พอรู้ตัวอีกที ทักษะที่มีอยู่ก็ตามไม่ทันโลกเสียแล้ว 


เราเชื่อว่าในทุกๆ องค์กรมีพนักงานที่มีทักษะในการทำงานดี ผลงานเด่น เพียงแต่อาจจะยังไม่มีทักษะที่ตอบโจทย์การแข่งขันในปัจจุบัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บริษัทต้องเข้ามาแก้ไขอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าพนักงานนั้นจะอายุเท่าใด ก็ไม่สำคัญเท่า พวกเขาพร้อมจะเรียนรู้ทักษะใหม่หรือไม่ หากโอกาสได้ถูกหยิบยื่นมาตรงหน้า เพราะการเรียนรู้อยู่เสมอจะทำให้ความสามารถที่มีไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา ดังคำพูดของเฮนรี ฟอร์ด ที่กล่าวได้ว่า


“Anyone who stops learning is old, whether at twenty or eighty. Anyone who keeps learning stays young.”

“ใครก็ตามที่หยุดเรียนรู้คือคนแก่ ไม่ว่าจะอายุยี่สิบหรือแปดสิบ ใครก็ตามที่หมั่นเรียนรู้ก็ยังจะคงความเยาว์วัยอยู่เสมอ”

― Henry Ford

เฮนรี ฟอร์ด ผู้ก่อตั้งบริษัทฟอร์ดมอเตอร์


ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่คงที่ “ไม่เคยเปลี่ยนไป” การติดตามข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอนั้นสำคัญยิ่งกว่าที่เคย บริษัทต่างๆ ไม่สามารถที่จะนิ่งนอนใจอีกต่อไปว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานในอดีตนั้นจะอยู่ยั่งยืนในยุคปัจจุบัน


พวกเขาจำเป็นต้องพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นั่นก็คือการยกระดับทักษะ(Reskill) และการเพิ่มทักษะ(Upskill) ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาองค์กร ในบทความนี้ ByteCrunch จะมาอธิบายให้ฟังว่า ทำไมการยกระดับทักษะ(Reskill) และการเพิ่มทักษะ(Upskill) จึงสำคัญกับการพัฒนาองค์กรในปัจจุบัน


ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการยกระดับทักษะ (Reskill) และการเพิ่มทักษะ(Upskill) กันก่อน


upskill


การยกระดับทักษะ(Reskill)  หมายถึงกระบวนการสอนทักษะใหม่ให้กับพนักงานที่มีอยู่หรือพัฒนาทักษะปัจจุบันของพวกเขา ในทางกลับกัน การเพิ่มทักษะ(Upskill) เป็นกระบวนการสอนทักษะใหม่ ๆ ให้กับพนักงาน เพื่อให้พวกเขาสามารถปฏิบัติงานในบทบาทหน้าที่ต่าง ๆได้ ซึ่งแนวทางปฏิบัติทั้งสองนี้มีความสำคัญต่อการเติบโตและความสามารถในการแข่งขันขององค์กรดังต่อไปนี้


1. รักษาระดับความสามารถในการแข่นขันในตลาด

เทคโนโลยีและรูปแบบธุรกิจมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นทักษะที่เกี่ยวข้องเมื่อสองสามปีก่อนอาจไม่เพียงพออีกต่อไป บริษัทต่างๆ ต้องมั่นใจได้ว่าพนักงานของพวกเขามีทักษะล่าสุดที่จำเป็นต่อการแข่งขันในตลาดด้วยการลงทุนเพื่อเพิ่มทักษะและทักษะใหม่ๆ


2. ลดต้นทุนการสรรหาพนักงานใหม่

การจ้างพนักงานใหม่อาจมีต้นทุนสูงกว่าการพัฒนาพนักงานที่มีอยู่ ไหนจะลงประกาศรับสมัคร ออกวิดีโอโปรโมตบริษัท หรือไปออกบูธในงาน Job Fair ต่างๆ ซึ่งต่างใช้เวลานานในการคัดเลือก รวมถึงระยะเวลาที่พนักงานใหม่จะปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและระบบการทำงานในองค์กร การยกระดับทักษะและการเพิ่มพูนทักษะให้กับพนักงานที่มีอยู่สามารถคุ้มทุนและช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ พนักงานเหล่านี้ก็เข้าใจวัฒนธรรมและรูปแบบการทำงานของบริษัทแล้ว


3. เพิ่มการมีส่วนร่วมและรักษาพนักงาน

การยกระดับทักษะและทักษะใหม่สามารถพัฒนาการมีส่วนร่วมและการรักษาพนักงานได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อพนักงานเห็นว่าองค์กรกำลังลงทุนในการเติบโตและการพัฒนาความสามารถของพวกเขา ความพึงพอใจในงานและความภักดีของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สิ่งนี้นำไปสู่อัตราการเข้า ออกของพนักงานที่ลดลงและประสิทธิผลที่สูงขึ้น


4. การสร้างบุคลากรที่พร้อมรองรับอนาคต

การยกระดับทักษะและการเสริมทักษะช่วยเตรียมพนักงานให้พร้อมรับความท้าทายในอนาคต เช่น การที่บริษัทนำ AI และระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อลดบทบาทงานบางอย่างอาจกลายเป็นงานซ้ำซ้อน แต่ก็สอนให้พนักงานรู้จักการเอา AI มาใช้ประโยชน์ พร้อมๆ กับเพิ่มทักษะและยกระดับทักษะพนักงานในด้านอื่นๆ เพื่อที่บริษัทสามารถมั่นใจได้ว่าพวกเขามีพนักงานที่พร้อมสำหรับอนาคต


การมาถึงของ AI อาจจะดูน่ากลัวและทำให้หลายคนกังวลกับอนาคต แต่นี่ก็เป็นเหมือนการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย เหมือนเช่นในอดีตที่ อาชีพจำนวนมาก เช่น คนขับรถม้า ได้หายไป เมื่อรถยนต์เข้ามาแทนที่ จนกลายเป็นเรื่องปกติในปัจจุบัน คงน่าทึ่งหากวันหนึ่งการใช้ AI อาจจะกลายเป็นความปกติในการทำงานเหมือนที่เราใช้ Microsoft word ในการทำงานทุกวันนี้


ในยุคของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและ AI การยกระดับทักษะและการเสริมทักษะไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาองค์กร ซึ่งช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถพัฒนาความสามารถในการแข่งขันได้ ลดค่าใช้จ่ายในการสรรหาบุคลากร เพิ่มการมีส่วนร่วมและรักษาพนักงาน และสร้างพนักงานที่พร้อมรองรับอนาคต ดังนั้น องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญของแนวทางปฏิบัติเหล่านี้เพื่อการเติบโตในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในปัจจุบัน


หากคุณมองหาตัวช่วยที่จะช่วยให้แผนกทรัพยากรบุคคลของคุณทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและรวดเร็วมากกว่าเดิม แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นใช้โปรแกรมสำหรับHR อย่างไรและฟังก์ชันต่างๆจะตอบสนองความต้องการใช้งานของบริษัทคุณหรือไม่ ลองปรึกษา ByteHR ได้ฟรีทาง  02 026 3297 หรือติดต่อ sales@byte-hr.com 

ByteHR มีโปรแกรมสำหรับ HR ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นโปรแกรม HR On Cloud ที่มีฟังก์ชั่นจัดการข้อมูลพนักงาน การคำนวณเงินเดือน การจัดการกะพนักงาน และบันทึกเวลาเข้าออกพนักงาน ฯลฯ ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับใช้ให้เข้ากับการทำงานขององค์กรได้อย่างหลากหลาย

Sea
เกี่ยวกับผู้เขียน
ซีมีประสบการณ์ทำงานที่หลากหลายกว่า 9 ปี ในด้านทรัพยากรบุคคล การสรรหาบุคลากร และการตลาดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ ปัจจุบันเธอกำลังสร้างประสบการณ์การทำงาน ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในภาคธุรกิจการบริการ โดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของเธอในการขับเคลื่อนกลยุทธ์นวัตกรรมทางการตลาด