​​พลังของการให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก



ในศตวรรษที่ผ่านมากระแสการจัดการทรัพยากรบุคคลและสิ่งที่ผู้นำระดับโลกให้ความสำคัญคือ 

“การให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก” โดยยกให้มนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร และสร้างความสำเร็จในธุรกิจ

ในสมัยก่อน รัฐบาลส่วนใหญ่ หรือผู้นำในองค์กรมักปกครองโดยใช้อำนาจที่มีในการบังคับ ควบคุม แต่ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนมีตัวเลือกในการทำงานมากขึ้น รวมถึงการระบาดของไวรัสโคโรน่าที่ผ่านไป ทำให้ผู้คนได้เปลี่ยนวิถีการทำงานแบบเก่าไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงแนวคิดของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่เห็นว่าการจงรักภักดีต่อองค์กรเป็นเรื่องสำคัญเท่าคนรุ่นก่อน พวกเขาอยากทำงานในสภาพแวดล้อมที่พวกเขารู้สึกว่าได้รับการยอมรับและได้ทำงานที่มีความหมาย


ถ้าว่ากันตามหลักจิตวิทยาแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เราชอบฟังคนที่ให้ความสนใจเรา สนใจว่าเราต้องการอะไรและพูดถึงสิ่งที่เราจะได้ประโยชน์ มากกว่าฟังคนที่พูดถึงแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ และเรามักจะคล้อยตามกับสิ่งที่คนคนนั้นพูดเพราะเรารู้สึกว่าเรากำลังทำเพื่อตัวเอง

การสื่อสารเพื่อจูงใจคนและการให้ความสำคัญกับคนเป็นหนึ่งในทักษะที่ผู้นำยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม เพราะมันมีพลังที่จะช่วยให้งานของพวกเขาราบรื่นขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ


หากจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เราสามารถเห็นได้จากตัวอย่างจากผู้นำระดับโลก เช่น อดีตนายกรัฐมนตรีสหรัฐคนที่ 26 เทดดี้ ทีโอดอร์ รูสเวลล์ ซึ่งถูกพูดถึงเป็น Case study จากเนื้อหาบางส่วนของหนังสือขายดีตลอดกาลของ เดล คาร์เนกี้ นักเขียนชาวอเมริกัน 'How To Win Friends and Influence People'(วิธีชนะมิตรและจูงใจคน) เขาได้กล่าวถึงรูสเวลล์ว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้นำที่มีคนรักและชื่นชมมากที่สุด จากสิ่งเล็กๆที่เขาทำโดยธรรมชาติ คือ เขาจำบุคลากรทุกคนในไวท์เฮ้าส์ได้ แม้แต่พนักงานทำความสะอาด ไม่เพียงแต่เรียกชื่อพวกเขา แต่ยังสามารถพูดคุยและจำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นวันเกิดของลูกพนักงานได้ สิ่งเหล่านี้แม้จะไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เขาเป็นนายกที่มีความสามารถในการบริหารประเทศได้ดีที่สุด แต่คนรอบตัวที่ทำงานร่วมกับเขา เป็นคนที่ช่วยกันผลักดันเขา และพร้อมทำงานให้เขาด้วยใจ และได้ชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีที่มีความสามารถและมีบทบาทมากคนหนึ่งของสหรัฐซึ่งได้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันถึง 2 สมัย 8 ปี



เทดดี้ ทีโอดอร์ รูสเวลล์

จากเรื่องนี้ เราไม่ได้จะบอกให้คุณกลับไปจำชื่อพนักงานทุกคนซะเดี๋ยวนี้ แต่เราต้องการจะสื่อว่า การให้ความสำคัญกับผู้อื่นนั้น มีพลังที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้จากแรงสนับสนุนของคนรอบข้าง

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของแคนนาดา จาซินดา อาร์เดิร์น ที่มีผลงานมากมายในช่วงที่เธอเป็นนายก โดยเฉพาะการนำพานิวซีแลนด์ให้พ้นจากวิกฤติของการระบาดของไวรัสโคโรน่า โดยในช่วงที่นิวซีแลนด์ต้องทำการล็อคดาว์น ซึ่งเป็นเหมือนการบังคับสั่งการจากเบื้องบน แต่เธอได้สื่อสารกับประชาชนโดยกล่าวว่า 


jacinda


จาซินดา อาร์เดิร์น

"As a government, we will do everything in our power to protect you.

Now I’m asking you to do everything you can to protect all of us"

(รัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพวกคุณ และเราขอร้องให้พวกคุณทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกป้องเราทุกคน)


เธอได้เปลี่ยนจากข้อความที่เหมือนการบังคับจากรัฐบาลเป็นการสร้างการสื่อสารกับประชาชนว่า พวกเขาคือคนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และพูดถึงถึงสิ่งที่พวกเขาสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งเป็นข้อความที่ทรงพลังอย่างมาก และทำให้ประชาชนยอมทำตามและให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ในขณะที่รัฐบาลในอีกหลายๆ ประเทศประสบปัญหาในด้านการสื่อสาร และประชาชนไม่ยอมทำตามกฎการล็อคดาว์น เช่น ในสหรัฐอเมริกาที่มีประชาชนส่วนหนึ่งเชื่อว่า การระบาดของไวรัสเป็นเรื่องหลอกลวง


ประชาชนในประเทศก็เหมือนกันพนักงานองค์กรในยุคปัจจุบันที่เมื่อต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง พวกเขามักจะต่อต้านก่อนเสมอ แต่หากผู้นำเข้าไปรับฟังถึงปัญหา ความกลัวและความกังวลของพนักงานเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงนั้นและหาวิธีสื่อสารและแก้ไขในเชิงบวกเพื่อให้เกิดความสอดคล้องระหว่างเป้าหมายขององค์กรและเป้าหมายของพนักงาน หากสามารถชนะใจพนักงานในองค์กรได้ พวกเขาจะแปรเปลี่ยนจากอุปสรรคที่ผู้นำองค์กรต้องรับมือ ไปเป็นพลังที่ช่วยผลักดันองค์กรไปข้างหน้าได้เอง


ทั้งนี้การให้ความสำคัญกับคนเป็นอันดับแรก ไม่ได้หมายความว่าต้องละเลยระบบหรือกระบวนการ เพียงแต่ว่าองค์กรควรมุ่งเน้นไปที่วิธีที่สามารถช่วยให้พนักงานรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนองค์กรและทำให้งานของพวกเขามีความหมาย และผลสุดท้ายที่ต้องการคือความสำเร็จขององค์กร โดยการนำพนักงานมาอยู่ในศูนย์กลางแห่งการจัดการทรัพยากรบุคคล


ลักษณะขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับคนมีดังนี้

  • ให้ความสำคัญต่อความพยายามของพนักงาน ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม

  • สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาส่วนบุคคล โดยทำให้พนักงานรู้สึกว่าพวกเขาสำคัญและคู่ควรกับการลงทุน

  • ให้พนักงานมีส่วนร่วมและเปิดเผยในการตัดสินใจที่สำคัญขององค์กรนั้นสร้างความมั่นใจและทำให้พนักงานรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร

  • ทำให้คนรู้ว่างานของพวกเขามีความสำคัญและส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อและสร้างความกระตือรือร้นในการทำงาน

  • มีการสื่อสารที่เปิดเผยและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่สร้างสรรค์


ดังนั้น สิ่งที่ HR หรือผู้นำองค์กรจำเป็นต้องทำคือ การหาสมดุลที่ดีระหว่างการให้ความสำคัญกับคน และความต้องการของธุรกิจ เราสามารถที่จะสร้างองค์กรที่ทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาสำคัญและมีส่วนร่วม ทำให้พวกเขาตั้งใจทำงานและช่วยผลักดันองค์กรให้ความสำเร็จในเป้าหมายทางธุรกิจ

หนึ่งในวิธีที่สำคัญในการให้ความสำคัญกับคนคือ การพัฒนาและให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมและการพัฒนาส่วนบุคคล ดังนั้น HR ควรเข้าใจว่าการฝึกอบรมไม่เพียงแค่เป็นวิธีการเพิ่มผลิตภาพของพนักงานเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีที่ช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าองค์กรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะและความรู้ของพวกเขาด้วย


เมื่อองค์กรเห็นค่าของคนและลงทุนในพวกเขา พนักงานจะทำงานเพื่อองค์กรด้วยความมั่นใจและความภักดีและสร้างผลลัพธ์ที่ดีทั้งส่วนบุคคลและองค์กร

การจัดการทรัพยากรบุคคลในแบบนี้ ไม่ได้ทำให้ระบบและกระบวนการกลายเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ เพียงแต่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางการคิดที่เราสามารถใช้เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของพนักงานและองค์กรในทางเดียวกัน


ไม่ว่าวันนี้คุณจะเพิ่งเริ่ม หรือเริ่มที่จะบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลของคุณให้เกิดการพัฒนาอย่างรอบด้าน หากคุณมองหาตัวช่วยที่จะช่วยให้แผนกทรัพยากรบุคคลของคุณทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและรวดเร็วมากกว่าเดิม แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นใช้โปรแกรมสำหรับ HR อย่างไรและฟังก์ชันต่างๆจะตอบสนองความต้องการใช้งานของบริษัทคุณหรือไม่ ลองปรึกษา ByteHR ได้ฟรีทาง  02 026 3297 หรือติดต่อ sales@byte-hr.com


ByteHR มีโปรแกรมสำหรับ HR ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นโปรแกรม HR On Cloud ที่มีฟังก์ชั่นจัดการข้อมูลพนักงาน การคำนวณเงินเดือน การจัดการกะพนักงาน และบันทึกเวลาเข้าออกพนักงาน ฯลฯ ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับใช้ให้เข้ากับการทำงานขององค์กรได้อย่างหลากหลาย



Sea
เกี่ยวกับผู้เขียน
ซีมีประสบการณ์ทำงานที่หลากหลายกว่า 9 ปี ในด้านทรัพยากรบุคคล การสรรหาบุคลากร และการตลาดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ ปัจจุบันเธอกำลังสร้างประสบการณ์การทำงาน ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในภาคธุรกิจการบริการ โดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของเธอในการขับเคลื่อนกลยุทธ์นวัตกรรมทางการตลาด