สรุปเรื่องภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในประเทศไทย
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คือ ระบบการจัดเก็บภาษีที่มีความสำคัญในการบริหารจัดการภาษีของประเทศ ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องเข้าใจหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติให้ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและบทลงโทษทางภาษี รวมถึงช่วยให้ระบบการจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น วันี้ ByteHR ผู้นำด้านโปรแกรม HRจะมาสรุปเรื่องภาษีหัก ณ ที่จ่ายในประเทศไทยให้เข้าใจรวบยอดแบบง่าย ๆ
ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย
นิยามและหลักการ
- ภาษีที่ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่หักไว้เมื่อมีการจ่ายเงินได้
- เป็นการเก็บภาษีล่วงหน้า
- ช่วยลดภาระการชำระภาษีครั้งเดียวในตอนสิ้นปี
- เป็นมาตรการป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี
ประเภทของเงินได้ที่ต้องถูกหักภาษี
เงินเดือนและค่าจ้าง (ภ.ง.ด.1)
- อัตราตามตารางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- คำนวณจากเงินได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
- หักและนำส่งภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป
ค่าตอบแทนการให้บริการ (ภ.ง.ด.3)
- ค่าเช่า: 5%
- ค่าวิชาชีพอิสระ: 3%
- ค่าบริการ: 3%
- ค่าโฆษณา: 2%
- รางวัล ส่วนลด: 3%
ดอกเบี้ย เงินปันผล และอื่นๆ (ภ.ง.ด.53)
- เงินปันผล: 10%
- ดอกเบี้ย: 15%
- ค่าสิทธิ์: 15%
- ค่าเช่า: 5%
- ค่าบริการวิชาชีพ: 3%
การคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย
หลักเกณฑ์การคำนวณ
- คำนวณจากฐานเงินได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย
- ใช้อัตราภาษีตามประเภทของเงินได้
- ปัดเศษของเงินภาษีตามหลักเกณฑ์
- คำนึงถึงเพดานขั้นต่ำของการหักภาษี
สมมติว่าคุณเป็นบริษัทที่จ้างผู้รับเหมาทำงานก่อสร้าง มูลค่างาน 100,000 บาท การคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย จะเป็นดังนี้:
ค่าจ้างทำงาน = 100,000 บาท
อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายสำหรับการรับเหมา = 3%
คำนวณภาษีที่ต้องหัก = 100,000 × 3% = 3,000 บาท
ดังนั้น:
บริษัทจะจ่ายเงินให้ผู้รับเหมา = 100,000 - 3,000 = 97,000 บาท
หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ = 3,000 บาท พร้อมออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
ตัวอย่างการคำนวณ
- กรณีเงินเดือน
- กรณีค่าบริการ
- กรณีค่าเช่า
- กรณีเงินปันผล
การออกหนังสือรับรองการหักภาษี
รายละเอียดในหนังสือรับรอง
- ชื่อและที่อยู่ผู้จ่ายเงิน
- ชื่อและที่อยู่ผู้รับเงิน
- ประเภทเงินได้
- จำนวนเงินที่จ่าย
- จำนวนภาษีที่หัก
- วันเดือนปีที่หักภาษี
กำหนดเวลาการออกหนังสือรับรอง
- กรณีทั่วไป: ออกทันทีเมื่อมีการหักภาษี
- กรณีเงินเดือน: ออกภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ของปีถัดไป
- การออกใบแทนกรณีสูญหาย
- การแก้ไขหนังสือรับรอง
การนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย
กำหนดเวลาการนำส่ง
- ภ.ง.ด.1: นำส่งภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป
- ภ.ง.ด.3: นำส่งภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป
- ภ.ง.ด.53: นำส่งภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป
- กรณีพิเศษตามประกาศกรมสรรพากร
ช่องทางการนำส่ง
- ยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต www.rd.go.th
- ยื่นที่สำนักงานสรรพากร
- ยื่นผ่านธนาคาร
- ยื่นผ่านตัวแทนรับชำระเงิน
การขอคืนภาษีหัก ณ ที่จ่าย
เงื่อนไขการขอคืน
- ถูกหักภาษีไว้เกินกว่าที่ต้องเสีย
- มีหลักฐานการหักภาษีครบถ้วน
- ยื่นขอคืนภายในกำหนดเวลา
- ไม่มีภาษีค้างชำระ
ขั้นตอนการขอคืน
- ยื่นแบบแสดงรายการภาษเงินได้บุคคลธรรมดา
- แนบเอกสารประกอบ
- ติดตามผลการขอคืน
บทลงโทษและค่าปรับ
การไม่หักภาษี
- เบี้ยปรับ 100% ของภาษีที่ต้องนำส่ง
- เงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน
- ความรับผิดทางอาญา
การนำส่งล่าช้า
- เบี้ยปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- เงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน
- การผ่อนผันบทลงโทษ
กรณีศึกษาและตัวอย่าง
กรณีทั่วไป
- การจ่ายเงินเดือนพนักงาน
- การจ้างบริการวิชาชีพ
- การจ่ายค่าเช่า
- การจ่ายเงินปันผล
กรณีพิเศษ
- การจ่ายเงินให้ต่างประเทศ
- การจ่ายเงินผ่านตัวแทน
- การจ่ายเงินให้มูลนิธิ
- การจ่ายเงินให้หน่วยงานราชการ
การติดต่อและสอบถามข้อมูล
ช่องทางการติดต่อ
- สายด่วนกรมสรรพากร 1161
- สำนักงานสรรพากรพื้นที่
- เว็บไซต์กรมสรรพากร www.sso.go.th
- ศูนย์บริการข้อมูลธุรกิจ
การขอคำปรึกษา
- การหารือภาษีอากร
- การขอความเห็นล่วงหน้า
- การอุทธรณ์
- การร้องเรียน
การหักภาษี ขอคืนภาษีของแต่ละคนอาจมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกัน หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรโดยตรง
ติดตามบทความความรู้เกี่ยวกับภาษี และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลได้ที่ ByteHR หรือ
หากคุณต้องการเริ่มต้นใช้โปรแกรมสำหรับ HR แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มอย่างไรและฟังก์ชันต่างๆจะตอบสนองความต้องการใช้งานของบริษัทคุณหรือไม่ ลองปรึกษา ByteHR ได้ฟรีทาง 02 026 3297 หรือติดต่อ sales@byte-hr.com