5 เคล็ดลับที่ต้องรู้เพื่อปรับปรุงระบบการผลิตของคุณ


production-line


ระหว่างเครื่องจักรเสีย หรือพนักงานของคุณหมดไฟ อะไรจะแย่ไปกว่ากัน?

สำหรับโรงงานหรือสายการผลิตแล้ว การดูแลระบบทั้งเครื่องจักรและดูแลคนงานไปพร้อมๆกัน ไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะต้องวางแผนและการจัดตารางเวลาพนักงาน คอยตรวจเช็กประสิทธิภาพ ทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ แผนผังการทำงาน ทีมงาน การซ่อมบำรุง และมาตรฐานการผลิตโดยรวมอีก 


วันนี้เราจึงอยากมาแชร์เคล็ดลับเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพระบบการทำงานของคุณให้ง่ายขึ้น

1. รวบรวมข้อมูล

“ข้อมูล” ทำให้เราเห็นความเป็นจริงและทำให้เราตั้งคำถาม เพื่อหาคำตอบและตัดสินใจอะไรได้อย่างเฉียบคมมากขึ้นและลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากการคาดเดา เช่น 

  • การผลิตเกิดความล่าช้าในส่วนไหนและเมื่อใด?

  • ตารางเวลางานไหนที่มักมีปัญหาในการหาพนักงานมาทำงาน?

  • ตารางงานการทำงานล่วงเวลาของพนักงานหรือระบบจ่ายเงินมีจุดบกพร่องที่ทำให้เกินงบดุลหรือไม่?

เมื่อเราตั้งคำถามแล้ว เราจะเจาะรายละเอียดของปัญหาและหาทางแก้ได้ง่ายขึ้น


2. สร้างระบบเพื่อการผลิตที่มีประสิทธิภาพ


planning


การบำรุงรักษาตามกำหนดเวลา อบรมพนักงานเป็นประจำ รวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ หรือการอัปเกรดอุปกรณ์ ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพ

นอกจากเครื่องมือต้องพร้อมแล้ว พนักงานของคุณต้องได้รับการกระตุ้นอย่างสม่ำเสมอ ให้มีความกระตือรือร้น มั่นใจ เข้าใจการทำงานของอุปกรณ์ และอุ่นใจได้ว่ามีอะไหล่สำรองพร้อมซ่อมหากเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้สายการผลิตดำเนินต่อไปอย่างไม่มีสะดุด

หากคุณรอให้มีอะไรเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยแก้ในนาทีสุดท้ายก็อาจสายเกินไป


3. ปกป้องพนักงานของคุณ

การปกป้องพนักงานจากอุบัติเหตุต่างๆ ระหว่างการผลิตเป็นการป้องกันปัญหาด้านความปลอดภัยทางกายภาพ แต่อาการ "หมดไฟ" ของพนักงานเป็นอีกสิ่งที่ต้องคอยสังเกตและป้องกันเช่นกัน

ภาวะหมดไฟ เป็นภาวะที่พนักงานเกิดความเหนื่อยหน่าย เครียด วิตกกังวล เหนื่อยล้า สิ่งเหล่านี้มักเกิดขึ้นทีละเล็กน้อยจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังและกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากชั่วโมงการทำงานที่มากเกินไป ส่งผลให้เกิดความเครียดสะสม พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจในที่สุด

จากผลการศึกษาพบว่าพนักงานที่มีความสุข มีประสิทธิผลในการทำงานเพิ่มขึ้น 13% ดังนั้นหากคุณตระหนักถึงเรื่องนี้ด้วย ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาทั้งเครื่องจักรและทรัพยากรบุคคลไปพร้อมๆกัน


4. สร้างความยืดหยุ่นให้กับตารางงาน

การจัดกะเข้างานสำหรับสายการผลิตอาจเป็นงานที่ท้าทายที่สุดงานหนึ่ง

ไหนจะต้องจัดการกับปัญหาคนไม่พอกับจำนวนกะ การเพิ่มจำนวนกะ ลูกจ้างลาหยุด ปัญหาเหล่านี้มีความซับซ้อนซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์ในการแก้ปัญหา

แต่ปัญหาเหล่านี้จะแก้ได้ง่ายขึ้นหากคุณใช้อุปกรณ์ที่สามารถติดตามตารางกะเข้างานได้

หนึ่งในเหตุผลที่เราสร้างระบบจัดการทรัพยากรบุคคลของ ByteHR ขึ้นมา เพราะเราตระหนักถึงความต้องการที่ยืดหยุ่นและระบบการจัดกะงานที่มีความแตกต่างของแต่ละบริษัท สำหรับผู้ผลิตแล้ว สิ่งสำคัญคือการจัดกะงาน และบริหารกะล่วงเวลาไม่ให้เกินงบ

ด้วยระบบการจัดกะงานที่ยืดหยุ่น คุณสามารถสร้างตารางกะงานได้รวดเร็วขึ้น ด้วยการกำหนดรายละเอียดทั้งระยะเวลาของกะ เวลาพัก กฎค่าล่วงเวลา หักเวลาพักระหว่างทำโอที จำนวนชั่วโมงโอทีต่ำสุด-สูงสุด หรือสร้างกะตารางแบบยืดหยุ่น  การกำหนดเวลากะเข้างานในลักษณะนี้จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมต้นทุนแรงงานและเพิ่มประสิทธิผลของสายการผลิต

นอกจากนี้ ในตลาดแรงงานที่ค่อนข้างแคบและหาคนทำงานยาก ระบบการจัดกะงานที่ยืดหยุ่นยังช่วยดึงดูดพนักงานที่ต้องการความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้นมาสมัครเป็นพนักงานเพิ่มขึ้นด้วย


5. พิจารณาการใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการระบบการผลิต


automation


การจัดการระบบงานให้เป็นอัตโนมัติแทนที่จะต้องเขียนใส่กระดาษทุกครั้งจะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น เพียงแค่จัดโครงสร้างในระบบเพียงไม่กี่ครั้ง เพราะระบบแมนนวลที่เราคุ้นเคยกันมักทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายและทำให้องค์กรต้องเสียทั้งเวลาและทรัพยากรบุคคลเมื่อเกิดปัญหาขึ้น

ระบบติดตามเวลาเข้า-ออกงาน เป็นตัวอย่างที่ดีของระบบที่คุณสามารถเปลี่ยนให้เป็นระบบอัตโนมัติได้

ระบบการจัดตารางเวลากะเข้างานของ ByteHR นั้นเชื่อมต่อกับโปรแกรม HR Payroll ซึ่งช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการคีย์ข้อมูลการทำงานของลูกจ้างทั้งยังให้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำจากการเก็บข้อมูลที่เป็นอันโนมัติอีกด้วย

Khun Sea
เกี่ยวกับผู้เขียน
ซีมีประสบการณ์ทำงานที่หลากหลายกว่า 9 ปี ในด้านทรัพยากรบุคคล การสรรหาบุคลากร และการตลาดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ ปัจจุบันเธอกำลังสร้างประสบการณ์การทำงาน ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในภาคธุรกิจการบริการ โดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของเธอในการขับเคลื่อนกลยุทธ์นวัตกรรมทางการตลาด