คนละครึ่งพลัส สิทธิพิเศษสำหรับผู้เสียภาษี และข้อควรรู้เรื่อง “การลดหย่อน”

รัฐบาลได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2568 ด้วยโครงการ "คนละครึ่งพลัส" ซึ่งเป็นโครงการที่ถูกปรับปรุงและพัฒนาขึ้นเพื่อมอบสิทธิพิเศษที่แตกต่างกันตามสถานะของผู้เข้าร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ "ผู้เสียภาษี" ที่ได้รับอัตราการอุดหนุนที่สูงเป็นพิเศษ
หากคุณคือหนึ่งในผู้ที่อยู่ในระบบภาษีและมีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอย่างสม่ำเสมอ นี่คือทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับสิทธิพิเศษ 60/40 ที่คุณจะได้รับ รวมถึงข้อควรระวังสำคัญเกี่ยวกับการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ByteHR ได้รวบรวมข้อมูลมาไว้ให้คุณแล้ว
1. สิทธิพิเศษ 60/40 ที่ผู้เสียภาษีจะได้รับ
โครงการคนละครึ่งพลัสมีวัตถุประสงค์หลักคือการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน 3 กลุ่มหลัก และมีการออกแบบสิทธิที่ จูงใจ ให้คนทำตามกฎหมายและอยู่ในระบบภาษีมากขึ้น
1.1 อัตราส่วนร่วมจ่ายที่เหนือกว่า
ผู้เสียภาษี (Tax System Participants): คุณจะได้รับอัตราการร่วมจ่ายพิเศษที่ 60% ต่อ 40% หมายความว่า เมื่อคุณใช้จ่าย บาท รัฐบาลจะช่วยออกให้ 60 บาท และคุณออกเองเพียง 40 บาท
ประชาชนทั่วไป (Non-Tax System Participants): กลุ่มนี้จะได้รับอัตราการร่วมจ่ายแบบเดิมคือ 50% ต่อ 50%
1.2 วงเงินสนับสนุนสูงสุด
วงเงินรวมตลอดโครงการ: ผู้เสียภาษีจะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลสูงสุด 2,400 บาท ตลอดช่วงเวลาโครงการ (29 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2568)
มูลค่าใช้จ่ายสูงสุด: หากใช้สิทธิเต็มวงเงิน 2,400 บาท นั่นหมายความว่าคุณสามารถสร้างมูลค่าการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจได้สูงถึง 4,400 บาท (รัฐออก 2,400 บาท คุณออกเอง 2,000 บาท)
วงเงินใช้จ่ายต่อวัน: โครงการยังคงจำกัดการอุดหนุนจากรัฐบาลที่ ไม่เกิน 200 บาทต่อวัน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการกระจายการใช้จ่ายไปยังร้านค้ารายย่อยและร้านค้าหาบเร่แผงลอยอย่างทั่วถึง
1.3 กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับสิทธิ์นี้
รัฐบาลคาดการณ์ว่าผู้ที่อยู่ในระบบภาษีและได้รับสิทธิพิเศษ 60/40 นี้จะมีอยู่ประมาณ 11 ล้านคน โดยผู้ที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟสก่อนหน้าและอยู่ในระบบภาษีอาจไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ แต่ต้องเข้าแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" เพื่อยืนยันสิทธิ์ในช่วงเวลาที่กำหนด

2. ขั้นตอนและกำหนดการลงทะเบียนสำหรับผู้เสียภาษี
การเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะโครงการนี้จำกัดจำนวนสิทธิที่ 20 ล้านคน (รวมทุกกลุ่ม) หากผู้ที่เคยมีสิทธิอยู่แล้วไม่ยืนยันสิทธิภายในกำหนด หรือผู้ลงทะเบียนใหม่ไม่ทัน อาจพลาดโอกาสนี้ไป
รายละเอียด | วันที่/ช่วงเวลา | ข้อแนะนำสำหรับผู้เสียภาษี |
ลงทะเบียน/ยืนยันสิทธิ์ | 20 – 26 ตุลาคม 2568 | ผู้มีสิทธิ์เดิม (ระบบภาษี) ต้องรีบยืนยันสิทธิ์ผ่านแอปฯ เป๋าตัง |
เริ่มใช้จ่าย | 29 ตุลาคม 2568 | ตรวจสอบยอดเงินใน G-Wallet และเริ่มใช้จ่ายทันที |
สิ้นสุดโครงการ | 31 ธันวาคม 2568 | กำหนดเวลาสุดท้ายในการใช้จ่ายวงเงินที่ได้รับ |
การลงทะเบียน:
ผู้มีสิทธิ์เดิม (ที่เคยได้รับสิทธิ์คนละครึ่ง): คาดว่าจะสามารถกดยืนยันสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ได้ทันที โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่
ผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการ: ต้องลงทะเบียนใหม่ผ่านเว็บไซต์ที่กำหนด หรือผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง โดยคุณสมบัติจะถูกตรวจสอบอัตโนมัติจากฐานข้อมูลภาษีของกรมสรรพากร
3. ข้อควรระวังด้านภาษี: อย่าเข้าใจผิดระหว่าง "เงินอุดหนุน" กับ "ลดหย่อนภาษี"
นี่คือประเด็นสำคัญที่ผู้เสียภาษีทุกคนต้องทำความเข้าใจเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนเมื่อถึงเวลายื่นภาษีปี 2569 (สำหรับรายได้ปี 2568)
คนละครึ่งพลัส ไม่ใช่มาตรการลดหย่อนภาษี
กลไกของคนละครึ่งพลัสคือ "เงินอุดหนุน": รัฐบาลให้เงินช่วยเหลือในการจับจ่ายใช้สอยแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน และยอดใช้จ่ายของคุณเป็นยอดที่ ลดราคา ลงไปแล้ว 60% ตั้งแต่แรก
มาตรการลดหย่อนภาษี (เช่น Easy E-Receipt) คือ "การคืนเงิน": มาตรการลดหย่อนจะให้สิทธิประโยชน์สำหรับยอดใช้จ่าย เต็มจำนวน (100%) ที่คุณจ่ายไปก่อน แล้วจึงนำยอดนั้นไปหักลดหย่อนจากรายได้เพื่อขอคืนภาษี
การใช้ซ้ำซ้อน: ตามหลักการแล้ว ยอดใช้จ่ายใด ๆ ที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลไปแล้ว (เช่น ยอดใช้จ่ายภายใต้คนละครึ่งพลัส) จะไม่สามารถ นำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอื่น ๆ (เช่น Easy E-Receipt) ได้อีก เนื่องจากจะถือเป็นการรับประโยชน์ซ้ำซ้อนจากภาครัฐ
คำแนะนำในการจัดการการใช้จ่ายช่วงปลายปี
เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดทั้งจากเงินอุดหนุน (คนละครึ่งพลัส) และสิทธิลดหย่อนภาษี (หากมีโครงการอื่นตามมา):
แยกกระเป๋าเงินให้ชัดเจน: ใช้สิทธิ คนละครึ่งพลัส (60/40) ผ่านแอปฯ เป๋าตัง สำหรับการใช้จ่ายในร้านค้ารายย่อยทั่วไป เช่น อาหารตามสั่ง ร้านสะดวกซื้อที่ไม่สามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้
เก็บหลักฐานใบกำกับภาษี (ถ้ามี): หากรัฐบาลประกาศมาตรการลดหย่อนภาษีช้อปปิ้งอื่น ๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน (เช่น โครงการที่กำหนดให้ใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) ให้ ใช้เงินส่วนตัว ชำระยอดเต็มจำนวน และ ขอใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเก็บไว้ใช้ลดหย่อนภาษีต่อไป
การแยกประเภทการใช้จ่ายเช่นนี้จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากทุกมาตรการของภาครัฐ และมั่นใจได้ว่าการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในต้นปีหน้าจะเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

สรุป
การเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสในฐานะผู้เสียภาษีถือเป็นการได้รับสิทธิพิเศษที่คุ้มค่าสูงสุดในเชิงของเงินอุดหนุน แต่สิ่งที่ต้องจำไว้เสมอคือการบริหารจัดการการใช้จ่ายและการเก็บเอกสารสำหรับมาตรการลดหย่อนภาษีอื่น ๆ ควบคู่กันไป เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสภาพคล่องทางการเงินของคุณ
ByteHR เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความเรียบง่าย บริการลูกค้าที่ดี และการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน ติดต่อ ByteHR วันนี้เพื่อขอคำปรึกษาเรื่องระบบจัดการสัญญาจ้างงานดิจิทัลและโซลูชัน HR ที่จะช่วยยกระดับการจัดการทรัพยากรบุคคลของคุณสู่ยุคดิจิทัล
อยากติดตามบทความความรู้เกี่ยวกับภาษี เคล็ดลับต่างๆ สำหรับพนักงานและผู้ประกอบการ รวมทั้งเรื่องการพัฒนาทรัพยากรบุคคลได้ที่ ByteHR หรือถ้าคุณอยากเริ่มใช้โปรแกรม HR แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มยังไงดี หรือฟังก์ชันต่างๆ จะตอบโจทย์บริษัทคุณมั้ย ลองปรึกษา ByteHR ฟรีได้ที่ 02 026 3297 หรือส่งอีเมลมาที่ sales@byte-hr.com


