Flag EnglandFlag Thailand
แท็ก:ข่าวสารและกฎหมายแรงงาน

เรื่องต้องรู้ เมื่อเพดานค่าจ้างประกันสังคมปรับขึ้น 2026

social-security


คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติการปรับเพิ่มเพดานค่าจ้างสำหรับการคำนวณเงินสมทบประกันสังคม มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 (2026) โดยแบ่งการปรับขึ้นเป็น 3 ระยะ การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อทั้งนายจ้างและลูกจ้างทั่วประเทศ ทำให้ต้องเตรียมความพร้อมด้านงบประมาณและการวางแผนทางการเงิน


ภาพรวมการปรับเพดานค่าจ้างประกันสังคม

ปัจจุบัน (ก่อนปี 2026) เพดานค่าจ้างสูงสุดที่ใช้คำนวณเงินสมทบอยู่ที่ 15,000 บาทต่อเดือน โดยนายจ้างและลูกจ้างจ่ายสมทบคนละ 5% หรือสูงสุดคนละ 750 บาทต่อเดือน

การปรับครั้งนี้จะแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้:

ระยะที่ 1: ปี 2569-2571 (2026-2028)

  • เพดานค่าจ้าง: เพิ่มเป็น 17,500 บาท (จากเดิม 15,000 บาท)

  • เงินสมทบสูงสุดต่อเดือน: 875 บาท (จากเดิม 750 บาท)

  • เพิ่มขึ้น: 125 บาทต่อเดือน หรือ 1,500 บาทต่อปี


ระยะที่ 2: ปี 2572-2574 (2029-2031)

  • เพดานค่าจ้าง: เพิ่มเป็น 20,000 บาท

  • เงินสมทบสูงสุดต่อเดือน: 1,000 บาท

  • เพิ่มขึ้น: 250 บาทต่อเดือน หรือ 3,000 บาทต่อปี (เทียบกับปัจจุบัน)


ระยะที่ 3: ปี 2575 เป็นต้นไป (2032 onwards)

  • เพดานค่าจ้าง: เพิ่มเป็น 23,000 บาท

  • เงินสมทบสูงสุดต่อเดือน: 1,150 บาท

  • เพิ่มขึ้น: 400 บาทต่อเดือน หรือ 4,800 บาทต่อปี (เทียบกับปัจจุบัน)


ผลกระทบต่อนายจ้าง

การเพิ่มขึ้นของต้นทุนแรงงาน

นายจ้างจะต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นสำหรับพนักงานที่มีเงินเดือนเกิน 15,000 บาท

ตัวอย่างการคำนวณ:

กรณีพนักงานเงินเดือน 25,000 บาท

ระยะเวลา

เพดานค่าจ้าง

เงินสมทบ/เดือน

เงินสมทบ/ปี

ปัจจุบัน (ก่อน 2026)

15,000 บาท

750 บาท

9,000 บาท

ระยะที่ 1 (2026-2028)

17,500 บาท

875 บาท

10,500 บาท

ระยะที่ 2 (2029-2031)

20,000 บาท

1,000 บาท

12,000 บาท

ระยะที่ 3 (2032+)

23,000 บาท

1,150 บาท

13,800 บาท


สำหรับองค์กรที่มีพนักงาน 100 คน ที่มีเงินเดือนเกิน 15,000 บาท ต้นทุนเพิ่มขึ้นอาจสูงถึง 480,000 บาทต่อปี เมื่อถึงระยะที่ 3

การวางแผนงบประมาณ

นายจ้างต้องเริ่มวางแผนปรับงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร โดยเฉพาะ:

  • งบประมาณเงินสมทบประกันสังคม

  • Cash flow ประจำเดือน

  • การคาดการณ์ต้นทุนในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า

ข้อควรระวังสำหรับนายจ้าง

1. การคำนวณเงินสมทบ ระบบเงินเดือนต้องปรับปรุงให้คำนวณตามเพดานใหม่โดยอัตโนมัติ

2. การแจ้งเปลี่ยนแปลงค่าจ้าง หากมีการปรับเงินเดือนพนักงาน ต้องแจ้งสำนักงานประกันสังคมภายใน 15 วัน

3. การชำระเงินสมทบ ต้องชำระภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ค่าปรับ 2% ต่อเดือนหากชำระล่าช้า


employee


ผลกระทบต่อลูกจ้าง

เงินสมทบที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น

ลูกจ้างที่มีเงินเดือนเกิน 15,000 บาท จะถูกหักเงินสมทบเพิ่มขึ้นจากเงินเดือน

ตัวอย่าง: พนักงานเงินเดือน 30,000 บาท

ปัจจุบัน:

  • เงินเดือน: 30,000 บาท

  • หักประกันสังคม: 750 บาท

  • เงินเดือนสุทธิ: 29,250 บาท (ยังไม่หักภาษี)


ปี 2026 (ระยะที่ 1):

  • เงินเดือน: 30,000 บาท

  • หักประกันสังคม: 875 บาท

  • เงินเดือนสุทธิ: 29,125 บาท

  • ลดลง: 125 บาท/เดือน


ปี 2032 (ระยะที่ 3):

  • เงินเดือนสุทธิ: 28,850 บาท

  • ลดลง: 400 บาท/เดือน หรือ 4,800 บาท/ปี


ข้อดีสำหรับลูกจ้าง

แม้จะต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้น แต่ลูกจ้างก็ได้รับประโยชน์มากขึ้น:

1. สิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น

  • เงินทดแทนกรณีเจ็บป้วยคำนวณจากฐานที่สูงขึ้น

  • เงินทดแทนกรณีว่างงานได้รับมากขึ้น

  • เงินบำนาญชั่วคราวเพิ่มขึ้น


2. การคุ้มครองที่ดีขึ้น ฐานเงินเดือนที่สูงขึ้นทำให้การคุ้มครองสอดคล้องกับรายได้จริงมากขึ้น

3. เงินบำเหน็จ/บำนาญ เมื่อเกษียณหรือออกจากงาน จะได้รับเงินตามฐานที่สูงขึ้น


การคำนวณสิทธิประโยชน์ที่เปลี่ยนแปลง

กรณีเจ็บป่วย (มาตรา 56)

ปัจจุบัน:

  • ค่าจ้างเฉลี่ยจากฐาน 15,000 บาท

  • ได้รับ 50% ของค่าจ้าง = 7,500 บาท/เดือน

ระยะที่ 3 (2032+):

  • ค่าจ้างเฉลี่ยจากฐาน 23,000 บาท

  • ได้รับ 50% ของค่าจ้าง = 11,500 บาท/เดือน

  • เพิ่มขึ้น 4,000 บาท/เดือน


กรณีว่างงาน (มาตรา 79)

ปัจจุบัน:

  • ได้รับ 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย สูงสุด 7,500 บาท/เดือน

  • ระยะเวลาสูงสุด 180 วัน

ระยะที่ 3 (2032+):

  • ได้รับสูงสุด 11,500 บาท/เดือน

  • เพิ่มขึ้น 4,000 บาท/เดือน


กรณีคลอดบุตร (มาตรา 77)

ปัจจุบัน:

  • ได้รับ 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย สูงสุด 7,500 บาท/เดือน

  • ระยะเวลา 90 วัน

ระยะที่ 3 (2032+):

  • ได้รับสูงสุด 11,500 บาท/เดือน

employee


การเตรียมความพร้อม

สำหรับนายจ้าง

1. ปรับระบบเงินเดือน

  • อัปเดตซอฟต์แวร์คำนวณเงินเดือนให้รองรับเพดานใหม่

  • ทดสอบระบบก่อนเดือนมกราคม 2026

  • ตรวจสอบการคำนวณให้ถูกต้อง


2. วางแผนงบประมาณ

  • คำนวณต้นทุนเพิ่มขึ้นในแต่ละระยะ

  • จัดสรรงบประมาณล่วงหน้า

  • พิจารณาผลกระทบต่อ cash flow


3. สื่อสารกับพนักงาน

  • แจ้งการเปลี่ยนแปลงให้พนักงานทราบ

  • อธิบายประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับ

  • จัดอบรมความรู้เรื่องประกันสังคม


4. ใช้เทคโนโลยีช่วยจัดการ ระบบ HR อย่าง ByteHR สามารถช่วย:

  • คำนวณเงินสมทบอัตโนมัติตามเพดานใหม่

  • แจ้งเตือนการชำระเงินสมทบ

  • สร้างรายงานต้นทุนล่วงหน้า

  • จัดการเอกสารประกันสังคมแบบดิจิทัล


สำหรับลูกจ้าง

1. ตรวจสอบการหักเงิน

  • เช็คสลิปเงินเดือนว่าหักถูกต้องตามเพดานใหม่

  • สอบถามฝ่าย HR หากมีข้อสงสัย


2. วางแผนการเงิน

  • เตรียมรับมือกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น

  • ปรับแผนการออมและการลงทุน


3. ศึกษาสิทธิประโยชน์

  • ทำความเข้าใจสิทธิที่เพิ่มขึ้น

  • รู้วิธีการเบิกสิทธิต่างๆ


4. เก็บหลักฐาน

  • เก็บสลิปเงินเดือนทุกเดือน

  • เก็บหนังสือรับรองสิทธิจากสำนักงานประกันสังคม


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: พนักงานเงินเดือน 12,000 บาทได้รับผลกระทบไหม?

A: ไม่ เพราะยังต่ำกว่าเพดานทุกระยะ จ่ายสมทบ 5% ของเงินเดือนจริงเท่านั้น


Q: นายจ้างสามารถลดเงินเดือนพนักงานเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายสมทบเพิ่มได้ไหม?

A: ไม่ได้ ผิดกฎหมายแรงงาน อาจถูกฟ้องร้องได้


Q: พนักงานชั่วคราวหรือพาร์ทไทม์ต้องเสียประกันสังคมตามเพดานใหม่ด้วยไหม?

A: ใช่ ถ้าทำงาน 1 เดือนขึ้นไป ต้องเข้าระบบประกันสังคม


Q: ถ้าลืมชำระเงินสมทบจะเกิดอะไรขึ้น?

A: เสียค่าปรับ 2% ต่อเดือน และพนักงานอาจสูญเสียสิทธิชั่วคราว


การปรับเพดานค่าจ้างประกันสังคมเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อทั้งนายจ้างและลูกจ้าง แม้จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นการสร้างความคุ้มครองที่ดีขึ้นให้กับแรงงาน

การเตรียมความพร้อมล่วงหน้า การใช้เทคโนโลยีช่วยจัดการ และการสื่อสารที่ชัดเจนจะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกฝ่ายควรศึกษาข้อมูลและวางแผนตั้งแต่ตอนนี้เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในปี 2026

ByteHR เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความเรียบง่าย บริการลูกค้าที่ดี และการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน ติดต่อ ByteHR วันนี้เพื่อขอคำปรึกษาเรื่องระบบจัดการสัญญาจ้างงานดิจิทัลและโซลูชัน HR ที่จะช่วยยกระดับการจัดการทรัพยากรบุคคลของคุณสู่ยุคดิจิทัล

อยากติดตามบทความความรู้เกี่ยวกับภาษี เคล็ดลับต่างๆ สำหรับพนักงานและผู้ประกอบการ รวมทั้งเรื่องการพัฒนาทรัพยากรบุคคลได้ที่ ByteHR หรือถ้าคุณอยากเริ่มใช้โปรแกรม HR แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มยังไงดี หรือฟังก์ชันต่างๆ จะตอบโจทย์บริษัทคุณมั้ย ลองปรึกษา ByteHR ฟรีได้ที่ 02 026 3297 หรือส่งอีเมลมาที่ sales@byte-hr.com




Sea Chonthicha
เกี่ยวกับผู้เขียน
ซีมีประสบการณ์ทำงานที่หลากหลายกว่า 9 ปี ในด้านทรัพยากรบุคคล การสรรหาบุคลากร และการตลาดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ ปัจจุบันเธอกำลังสร้างประสบการณ์การทำงาน ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในภาคธุรกิจการบริการ โดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของเธอในการขับเคลื่อนกลยุทธ์นวัตกรรมทางการตลาด