อัตราการว่างงานบัณฑิตจบใหม่ในไทยพุ่งสูงขึ้น: ความท้าทายของตลาดแรงงานยุคใหม่


unemployment



สถานการณ์การว่างงานของบัณฑิตจบใหม่ในประเทศไทยกำลังเป็นประเด็นที่น่ากังวล โดยพบว่าอัตราการว่างงานในกลุ่มผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันนี้ ByteHR ผู้นำด้านโปรแกรมสำหรับ HR จะมาสรุปให้ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น และบัณฑิตจบใหม่ที่กำลังเริ่มทำงานจะหาทางรอดในภาวะนี้ได้อย่างไรบ้าง


สาเหตุหลักของปัญหาการว่างงานของบัณฑิตจบใหม่ในประเทศไทยมี 3 ข้อดังนี้

1. ความไม่สอดคล้องของทักษะ

เนื้อหาที่เรียนในมหาวิทยาลัยมักเน้นทฤษฎีมากเกินไป ขาดการฝึกปฏิบัติจริง และหลักสูตรปรับตัวช้ากว่าการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความต้องการของภาคธุรกิจ รวมไปถึงขาดความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษากับภาคเอกชนในการพัฒนาหลักสูตร


2. การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน

ปัจจุบันหลายองค์กรนำระบบอัตโนมัติและ AI มาใช้ในงานที่เคยต้องใช้แรงงานคน เช่น งานธุรการ การบันทึกข้อมูล หรือการวิเคราะห์เบื้องต้น ส่งผลให้บัณฑิตจบใหม่ที่มีทักษะแบบดั้งเดิมอาจถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีที่ทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่า นอกจากนี้ธุรกิจหลายแห่งได้ปรับตัวสู่ดิจิทัลมากขึ้น ทำให้ต้องการพนักงานที่มีทักษะดิจิทัลสูง อีกทั้งรูปแบบการทำงานแบบ Remote Work และ Hybrid Work ก็ได้กลายเป็นความปกติใหม่ ในขณะที่บางธุรกิจต้องลดขนาดองค์กรหรือปิดตัวลง ทำให้ตำแหน่งงานสำหรับบัณฑิตจบใหม่ลดลง 


ด้านนายจ้างก็ต้องการคนที่มีทักษะเฉพาะด้านที่ตรงกับความต้องการของตลาด เช่น Data Science, Digital Marketing หรือ UX/UI Design ซึ่งบัณฑิตจบใหม่ที่มีเพียงความรู้ทฤษฎีจากในห้องเรียน แต่ขาดทักษะปฏิบัติจริงมักไม่ตรงกับความต้องการของตลาด ในขณะที่องค์กรต้องการคนที่มีทักษะหลากหลาย (Multi-skilled) มากกว่าคนที่มีความรู้เฉพาะด้านเดียว สถานการณ์เหล่านี้ทำให้บัณฑิตจบใหม่ต้องปรับตัวและพัฒนาทักษะใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


3. ปัจจัยทางเศรษฐกิจ

เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกและการลงทุนในประเทศไทย ทำให้ภาคธุรกิจต้องระมัดระวังการใช้จ่ายและการขยายกิจการ โดยบริษัทขนาดใหญ่ที่มีการค้าระหว่างประเทศจะชะลอการรับพนักงานใหม่เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน ขณะที่สตาร์ทอัพและธุรกิจใหม่ๆ ก็มีความเสี่ยงสูงขึ้นในการระดมทุน ทำให้โอกาสการจ้างงานลดลง นอกจากนี้ องค์กรต่างๆ มีแนวโน้มปรับลดขนาดองค์กรให้กะทัดรัดขึ้น (Downsizing) เพื่อลดต้นทุน พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติมาใช้แทนแรงงานมนุษย์มากขึ้น และเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานปัจจุบันแทนการจ้างคนใหม่ 

ในขณะเดียวกัน จำนวนบัณฑิตที่จบใหม่มีมากกว่าตำแหน่งงานที่เปิดรับ ทำให้เกิดการแข่งขันสูง โดยนายจ้างมีทางเลือกมากขึ้นในการคัดเลือกพนักงาน จึงตั้งเกณฑ์การรับสมัครที่สูงขึ้น เช่น ต้องการผู้มีประสบการณ์ ส่งผลให้บัณฑิตจบใหม่ต้องแข่งขันกับผู้ที่ถูกเลิกจ้างซึ่งมีประสบการณ์การทำงานมากกว่า


ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ:

1. ด้านเศรษฐกิจ

การว่างงานของบัณฑิตจบใหม่ส่งผลให้เกิดการสูญเสียโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจ เนื่องจากทรัพยากรมนุษย์ที่ผ่านการพัฒนาและลงทุนทางการศึกษาไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ทำให้ศักยภาพในการสร้างนวัตกรรมและการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ๆ ลดลง เพราะขาดการนำความรู้และความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่มาใช้ จึงเกิดการสูญเสียโอกาสในการเพิ่มผลิตภาพของประเทศในระยะยาว 

นอกจากนี้ยังส่งผลให้ภาระหนี้สินของครัวเรือนเพิ่มขึ้น โดยครอบครัวที่กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาต้องแบกรับภาระหนี้โดยที่บัณฑิตยังไม่มีรายได้มาชำระคืน ผู้ปกครองต้องให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายของบุตรหลานที่ยังหางานทำไม่ได้ ส่งผลต่อเงินออมและความมั่นคงทางการเงินของครอบครัว บางครอบครัวอาจต้องกู้ยืมเงินเพิ่มเติมเพื่อประคองสถานะทางการเงิน ทำให้วงจรหนี้สินขยายตัว อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดการลดลงของกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากบัณฑิตที่ว่างงานไม่มีรายได้หรือมีรายได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ครัวเรือนที่มีภาระหนี้สินต้องระมัดระวังการใช้จ่าย ส่งผลให้การบริโภคในระบบเศรษฐกิจชะลอตัว และเกิดผลกระทบต่อเนื่องไปยังธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่


2. ด้านสังคม

การว่างงานของบัณฑิตจบใหม่ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เนื่องจากต้องเผชิญกับความเครียดและความกดดันจากการหางานไม่ได้ เกิดความรู้สึกสิ้นหวังและขาดความเชื่อมั่นในตนเอง หลายคนรู้สึกผิดหวังและท้อแท้เมื่อไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของครอบครัวและสังคม จนเกิดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคต โดยเฉพาะเมื่อเห็นเพื่อนร่วมรุ่นประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน นอกจากนี้ยังนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยเกิดช่องว่างระหว่างผู้ที่มีโอกาสได้งานทำและผู้ที่ยังว่างงาน โดยเฉพาะระหว่างบัณฑิตจากสถาบันที่มีชื่อเสียงและไม่มีชื่อเสียง รวมถึงความแตกต่างของโอกาสในการเข้าถึงงานระหว่างผู้ที่มีเครือข่ายทางสังคมและผู้ที่ไม่มี อีกทั้งการสะสมหนี้สินจากการว่างงานทำให้ช่องว่างทางเศรษฐฐานะขยายกว้างขึ้น ส่งผลให้เกิดการย้ายถิ่นฐานเพื่อหางานทำ โดยบัณฑิตจำนวนมากต้องย้ายถิ่นฐานเข้าสู่เมืองใหญ่หรือต่างประเทศเพื่อโอกาสในการทำงาน ทำให้ครอบครัวต้องแยกจากกัน ความสัมพันธ์ในครอบครัวห่างเหินและอ่อนแอลง รวมถึงชุมชนในท้องถิ่นสูญเสียกำลังคนที่มีความรู้ความสามารถ ส่งผลต่อการพัฒนาชุมชนในระยะยาว


คำแนะนำสำหรับบัณฑิตจบใหม่:

1. การพัฒนาตนเอง

การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

  • ศึกษาและติดตามแนวโน้มของตลาดแรงงานเพื่อรู้ว่าทักษะใดเป็นที่ต้องการ

  • เข้าร่วมหลักสูตรออนไลน์ที่สอนทักษะเฉพาะทางจากแพลตฟอร์มการเรียนรู้ต่างๆ

  • ฝึกฝนทักษะในการแก้ปัญหาและการคิดวิเคราะห์ผ่านโครงการหรืองานอดิเรก

การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษและดิจิทัล

  • ฝึกใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน เช่น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านบทความภาษาอังกฤษ

  • เข้าร่วมกลุ่มสนทนาภาษาอังกฤษหรือหาคู่สนทนาชาวต่างชาติ

  • เรียนรู้การใช้เครื่องมือดิจิทัลและซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับสายงานที่สนใจ

การสร้างเครือข่ายทางวิชาชีพ

  • เข้าร่วมงานสัมมนาและกิจกรรมในอุตสาหกรรมที่สนใจ

  • สมัครเป็นสมาชิกสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่เรียนจบ

  • สร้างและรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน อาจารย์ และผู้เชี่ยวชาญในวงการ

การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานและความก้าวหน้าในอาชีพ บัณฑิตควรวางแผนการพัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและมีเป้าหมายที่ชัดเจน

2. การหางาน

เปิดกว้างสำหรับงานที่หลากหลาย

  • ไม่จำกัดการสมัครงานเฉพาะสายที่เรียนจบมา แต่พิจารณาตำแหน่งที่สามารถใช้ทักษะที่มีได้

  • ยอมรับงานระดับเริ่มต้นเพื่อสั่งสมประสบการณ์และเรียนรู้จากการทำงานจริง

  • พิจารณาโอกาสในการทำงานกับบริษัทขนาดเล็กหรือสตาร์ทอัพที่มีโอกาสเติบโตไปพร้อมองค์กร

การพิจารณาการทำงานฟรีแลนซ์หรือธุรกิจส่วนตัว

  • ศึกษาโอกาสในการรับงานอิสระผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ

  • เริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็กโดยใช้ทักษะและความรู้ที่มี

  • สร้างพอร์ตโฟลิโอผลงานเพื่อใช้ในการนำเสนอตัวเองกับลูกค้า

การใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มหางานออนไลน์

  • สมัครสมาชิกเว็บไซต์หางานหลักๆ และอัพเดตประวัติอย่างสม่ำเสมอ

  • ติดตามบริษัทที่สนใจผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อรับข่าวสารการรับสมัครงาน

  • ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง LinkedIn ในการสร้างโปรไฟล์มืออาชีพและขยายเครือข่าย

การหางานในปัจจุบันต้องใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายและมีความยืดหยุ่น บัณฑิตควรพร้อมที่จะปรับตัวและคว้าโอกาสที่เข้ามา แม้อาจไม่ใช่งานในฝันตั้งแต่เริ่มต้น

3. การวางแผนอาชีพ

  • กำหนดเป้าหมายอาชีพที่ชัดเจน

  • วางแผนการพัฒนาทักษะระยะยาว

  • พิจารณาโอกาสในการศึกษาต่อ

การแก้ไขปัญหาการว่างงานของบัณฑิตจบใหม่จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคธุรกิจ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการจ้างงานและการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับตลาดแรงงานในอนาคต ByteHR ขอเป็นกำลังใจให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐที่ต้องเร่งมือหาวิธีแก้ไข ภาคการศึกษาที่ต้องปรับปรุงหลักสูตร ภาคธุรกิจที่ผลักดันการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรม และบัณฑิตจบใหม่ทุกคนที่เผชิญกับความท้าทายในการหางาน


ติดตามบทความทันโลก ทันกระแสที่จะนำความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยกรบุคคลได้ที่ ByteHR หรือหากคุณต้องการเริ่มต้นใช้โปรแกรมสำหรับ HR  แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มอย่างไรและฟังก์ชันต่างๆจะตอบสนองความต้องการใช้งานของบริษัทคุณหรือไม่ ลองปรึกษา ByteHR ได้ฟรีทาง  02 026 3297 หรือติดต่อ sales@byte-hr.com


Khun Sea
เกี่ยวกับผู้เขียน
ซีมีประสบการณ์ทำงานที่หลากหลายกว่า 9 ปี ในด้านทรัพยากรบุคคล การสรรหาบุคลากร และการตลาดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ ปัจจุบันเธอกำลังสร้างประสบการณ์การทำงาน ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในภาคธุรกิจการบริการ โดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของเธอในการขับเคลื่อนกลยุทธ์นวัตกรรมทางการตลาด