เบี้ยขยันคืออะไร แรงจูงใจดี ๆ ของพนักงานพร้อมวิธีคิดแบบขั้นบันได
การทำงานของพนักงานทุกคนย่อมคาดหวังเรื่องผลตอบแทนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งไม่ใช่แค่เงินเดือน โบนัส หรือ Incentive เท่านั้น แต่หลายองค์กรยังมักสร้างขวัญกำลังใจ สร้างแรงจูงใจดี ๆ ให้กับพนักงานที่ประพฤติตนอย่างเหมาะสม ทำตามกฎระเบียบด้วยการจ่าย “เบี้ยขยัน” Byte HR จึงขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกันแบบชัดเจน รวมถึงแชร์วิธีคิดแบบขั้นบันได้ง่าย ๆ พร้อมเทคนิคที่ HR ไม่ต้องนั่งปวดหัวกับการคำนวณอีกต่อไป
เบี้ยขยัน คืออะไร?
เบี้ยขยัน คือ รายได้พิเศษของพนักงานที่องค์กรเป็นผู้มอบให้สำหรับบุคลากรที่มีความประพฤติเหมาะสม ตรงตามเงื่อนไขการรับเงินดังกล่าว เช่น เข้างานตรงเวลาทุกวัน ในแต่ละเดือนไม่เคยขาดงาน ไม่เคยลา ผลลัพธ์ของงานทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอื่น ๆ ซึ่งรูปแบบการจ่ายเป็นได้ทั้งการจ่ายพร้อมเงินเดือน การจ่ายแบบรายสัปดาห์ หรือการจ่ายทุกครึ่งเดือนขึ้นอยู่กับข้อกำหนดขององค์กร
อย่างไรก็ตามเบี้ยขยันไม่ใช่สิ่งที่กฎหมายบังคับว่าต้องจ่ายให้กับพนักงาน ส่วนใหญ่จึงเป็นข้อกำหนดที่องค์กรระบุขึ้นมาเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ สร้างแรงจูงใจให้พนักงานปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมระหว่างการเป็นพนักงาน และมูลค่าก็ยังขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่องค์กรระบุเอาไว้ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ฝ่าย HR จึงต้องมีการอธิบายรายรับดังกล่าวให้พนักงานทุกคนเกิดความเข้าใจตรงกัน
ข้อดีขององค์กรที่มีการจ่ายเบี้ยขยันให้พนักงาน
อย่างที่อธิบายไปว่าการจ่ายเบี้ยขยันให้กับพนักงานก็เปรียบเหมือนวิธีสร้างแรงจูงใจ สร้างขวัญกำลังใจที่ดี เพื่อให้พนักงานที่ปฏิบัติตนตามข้อบังคับ กฎระเบียบขององค์กรได้สิ่งตอบแทนจากความตั้งใจของเขาเพิ่มขึ้นจากรายได้ปกติ อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพนักงานคนอื่นเพื่อจะได้ปฏิบัติตาม ยิ่งถ้าทุกคนสามารถทำได้นั่นหมายถึงองค์กรมีโอกาสเติบโตอย่างเต็มศักยภาพมากกว่าเดิมจากการร่วมมือร่วมใจของทุกคน
วิธีคำนวณเบี้ยขยันแบบขั้นบันได
จริง ๆ แล้วการจ่ายเบี้ยขยันไม่ได้มีข้อกำหนดใดตายตัวขึ้นอยู่กับความเหมาะสมที่องค์กรจะมอบให้กับพนักงานที่ปฏิบัติตนได้ตามกฎระเบียบตลอดเดือน ส่วนใหญ่มักมีการกำหนดขั้นต่ำเอาไว้ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นจำนวนเท่ากันทั้งบริษัท กำหนดตามตำแหน่ง ตามอายุงาน ฯลฯ และจะเพิ่มขึ้นตามระดับขั้นบันไดหากยังสามารถปฏิบัติตนตรงตามเงื่อนไขแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ทุกเดือน ตัวอย่างเช่น
บริษัท บีบี จำกัด กำหนดฐานเบี้ยขยันเอาไว้ที่เดือนละ 300 บาท และจะปรับขึ้นตามขั้นบันไดเดือนละ 200 บาท
ซึ่งนาย ไก่ เป็นพนักงานที่เข้างานตรงเวลา ไม่เคยขาด ลา สาย ตลอดเดือนมกราคม เมื่อถึงสิ้นเดือน นาย ไก่ จะได้รับเบี้ยขยัน 300 บาท
ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ นาย ไก่ ยังคงปฏิบัติตนได้เหมือนเดิม เบี้ยขยันของเขาก็ปรับขึ้นแบบขั้นบันไดเมื่อถึงสิ้นเดือนเป็น 500 บาท
เดือนมีนาคม นาย ไก่ ก็ยังไม่ขาด ลา สาย ถึงสิ้นเดือนเขาได้รับเบี้ยขยันเพิ่มเป็น 700 บาท
แต่พอถึงเดือนเมษายน นาย ไก่ เข้างานสาย 1 วัน เท่ากับสิ้นเดือนนั้น นาย ไก่ จะไม่ได้เบี้ยขยัน
แล้วถ้าเดือนถัดไปทำตามกฎเหมือนเดิมเขาก็จะได้รับเบี้ยขยันใหม่โดยเริ่มจากขั้นต่ำตามขั้นบันไดที่ 300 บาท เป็นต้น
แนะนำเทคนิคการคำนวณเบี้ยขยันแบบไม่ต้องยุ่งยาก
แม้จากตัวอย่างในการคำนวณเบี้ยขยันแบบขั้นบันไดอาจดูเหมือนง่าย แต่อย่าลืมว่าความจริงพนักงานขององค์กรแต่ละแห่งมีเยอะมาก หาก HR ต้องมานั่งไล่เรียงทีละคนนอกจากเสียเวลาแล้วยังอาจเกิดข้อผิดพลาดได้ เทคนิคที่จะช่วยให้การคำนวณง่ายขึ้นนั่นคือเลือกใช้ โปรแกรม HR ซึ่งจะมีฟังก์ชันในการกำหนดอัตราจ่ายเบี้ยขยันให้กับพนักงานพร้อมคำนวณให้แบบเสร็จสรรพ
หลักการทำงานคือ HR ทำการตั้งค่าเงื่อนไขของการคำนวณให้กับโปรแกรม เช่น เวลาเข้า-ออกงาน วันมาทำงาน ข้อมูลทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้ในระบบชัดเจน หากพนักงานคนไหนทำตามเงื่อนไขครบถ้วน ระบบคำนวณก็จะคิดออกมาให้เสร็จสรรพรวมเป็นรายรับของพนักงานคนดังกล่าว หากทำได้เรื่อย ๆ ตัวเงินเบี้ยเลี้ยงก็จะบวกเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดทุกเดือนตามที่ HR ได้กำหนดไว้ในโปรแกรม
สรุป
การมีเบี้ยเลี้ยงให้กับพนักงานสามารถสร้างแรงจูงใจและยังสร้างความภักดีต่อองค์กรได้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบัน HR ไม่ต้องนั่งปวดหัวกับการไล่เรียงวัน-เวลาเข้างานของพนักงานเพื่อคำนวณเงินเบี้ยขยันทุกคนให้ยุ่งยากอีกต่อไปเพียงแค่เลือกใช้โปรแกรม HR เข้ามาทุกอย่างก็เป็นเรื่องง่ายมากกว่าเดิม ซึ่งโปรแกรมเงินเดือนจาก Byte HR พร้อมเป็นอีกทางเลือกของความครอบคลุม จัดเต็มฟังก์ชันแบบครบครัน สะดวก ง่ายดาย ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ตอบโจทย์ให้กับทุกองค์กรอย่างแน่นอน