วิธีคิดเงินเดือนพนักงานรายเดือนตามกฎหมายสำหรับเจ้าของมือใหม่

หากคุณกำลังวางแผนอยากทำธุรกิจของตนเองไม่ว่ารูปแบบใดก็ตามแล้วจำเป็นต้องมีพนักงานประจำเข้ามาทำในตำแหน่งต่าง ๆ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีคิดเงินเดือน และการคิดเงินเดือนพนักงานรายเดือนตามกฎหมาย ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด โดยเฉพาะสำหรับเจ้าของกิจการมือใหม่ที่อาจยังไม่แน่ใจว่าวิธีคิดเงินเดือนตามกฎหมายแรงงานที่ถูกต้องนั้นต้องคำนวณอย่างไร แม้ในเชิงการทำธุรกิจจะถูกมองว่าเป็นหน้าที่ของฝ่าย HR หรือฝ่ายบัญชีก็ตาม แต่ถ้าคนเป็นเจ้าของรู้ข้อมูลเอาไว้ย่อมเป็นเรื่องที่ดีไม่แพ้กัน
ByteHR ขอแนะนำเทคนิคและแนวทางในการคิดเงินเดือนที่ครอบคลุม ทั้งแบบรายเดือน รายวัน รายชั่วโมง ไปจนถึงสูตรคิดเงินเดือน และการวางระบบการบริหารค่าจ้างอย่างถูกต้องตามกฎหมายแรงงานไทย จึงขอแนะนำข้อมูลน่าสนใจให้ลองศึกษากันเลย
ข้อควรรู้เกี่ยวกับกฎหมายการจ่ายค่าจ้างพนักงาน
ตามกฎหมายแรงงานได้ให้สิทธินายจ้างเกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไข ข้อตกลง รวมถึงหลักเกณฑ์ต่าง ๆ สำหรับลูกจ้างในการทำงาน (แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายกำหนดเอาไว้) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนวนวันทำงาน เวลาทำงาน ค่าจ้าง รูปแบบการจ่ายค่าจ้าง การลา วันหยุดงาน ค่าจ้างทำงานล่วงเวลา ค่าจ้างทำงานในวันหยุด รวมถึงการเลิกจ้างงาน
หนึ่งในสิทธิที่นายจ้างควรให้ความสำคัญ คือการจัดการเรื่องวันลาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะ “ลาพักร้อน” ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานของพนักงานที่ทำงานครบตามเงื่อนไขของกฎหมาย การบริหารจัดการวันลาพักร้อนให้ชัดเจน จะช่วยให้การคำนวณเงินเดือนและการวางแผนทรัพยากรบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งในประเด็นการคิดเงินเดือนตามกฎหมายแรงงาน เจ้าของธุรกิจมือใหม่ควรเข้าใจว่า การกำหนดค่าจ้างต้องชัดเจน มีสูตรคิดเงินเดือนที่สามารถตรวจสอบได้ และต้องไม่ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดไว้ หากจ่ายต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด จะถือเป็นการปฏิบัติโดยมิชอบและมีความผิดตามกฎหมายทันที
วิธีคิดเงินเดือนพนักงานรายเดือนตามกฎหมาย
การจ่ายเงินเดือน คือ รูปแบบของการจ่ายเงินค่าจ้างของนายจ้างให้กับลูกจ้างตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดเอาไว้ในสัญญาการจ้างงาน และเป็นการยิมยอมของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งปกติแล้วรายละเอียดในสัญญาจะระบุข้อมูลครบถ้วนทั้งเรื่องจำนวนเงิน ข้อกำหนดการขาด ลา มาสาย รอบการจ่ายเงินเดือน ฯลฯ
สำหรับเจ้าของกิจการ การคิดเงินเดือนให้พนักงานอย่างถูกต้องตามหลักการถือเป็นสิ่งสำคัญ เช่นเดียวกับการวางระบบบัญชีที่ชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนของวิธีคิดเงินเดือนตามกฎหมายแรงงานที่หลายคนยังเข้าใจคลาดเคลื่อน
โดยวิธีคิดจะแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ดังนี้
1. การคิดเงินเดือนพนักงานแบบจ่ายเต็มเดือน

หลักการคิดเงินเดือนแบบนี้จะไม่ค่อยยุ่งยากมากนักเพราะใช้การคำนวณรายได้แบบเต็มเดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 30 หรือ 31 โดยไม่มีการนำวันหยุดประจำสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์เข้ามาเป็นตัวหักรายได้
นี่คือตัวอย่างของการคิดเงินเดือนพนักงานรายเดือนแบบพื้นฐานที่เจ้าของกิจการควรรู้ เพื่อช่วยให้การคิดเงินเดือนพนักงานเป็นไปตามกฎหมายแรงงานและตรวจสอบได้ง่าย
ประกอบไปด้วย:
รายได้พนักงาน คือ ฐานเงินเดือนต่อเดือน + รายรับอื่น ๆ เช่น ค่า Incentive, เปอร์เซ็นต์ยอดขาย, เบี้ยเลี้ยง ฯลฯ
รายหักพนักงาน คือ ประกันสังคม + ภาษีหัก ณ ที่จ่าย + จ่าย หรือรายการหักอื่น ๆ อย่างเช่น เงินกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
ดังนั้น รายได้สุทธิที่เกิดขึ้นจึงเป็นการนำ รายได้พนักงาน - รายหักพนักงาน
ตัวอย่าง นายไก่ มีฐานเงินเดือนอยู่ที่ 25,000 บาท มีรายจ่ายคือ ประกันสังคม 750 บาท ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% ของเงินเดือน 750 บาท เท่ากับในเดือนนี้ นายไก่ จะได้รับเงินเดือน 23,500 บาท เป็นต้น
2. การคิดเงินเดือนพนักงานแบบจ่ายไม่เต็มเดือน
จากประสบการณ์ของเรา การคำนวณเงินเดือนวิธีนี้จะใช้จำนวนวันที่ลูกจ้างมาทำงานจริงแล้วคูณกับรายได้ต่อวันของลูกจ้าง การคิดค่าแรงรายเดือนกรณีที่พนักงานเริ่มงานกลางเดือน หรือมีการขาด ลา เป็นสิ่งที่ต้องทำบ่อย ๆ สำหรับเจ้าของธุรกิจ จึงควรเข้าใจการคิดเงินเดือนพนักงานรายเดือนให้ชัดเจน ส่วนการหักค่าใช้จ่ายก็ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของบริษัท เช่น ประกันสังคม ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ฯลฯ
ตัวอย่าง:
- นายไข่ มีรายได้ต่อเดือน 15,000 บาท เมื่อเทียบเป็นรายได้แบบรายวันจะอยู่ที่วันละ 500 บาท (ฐานเงินเดือน / 30) หากนายไข่ มาทำงานระหว่างวันที่ 1-15 (ไม่หักเงินในวันหยุด) รายได้ของ นายไข่ จะคำนวณด้วยการนำ 500 x 15 = 7,500 บาท (ไม่รวมรายหักเพิ่มเติมที่บริษัทหรือกฎหมายกำหนด)

วิธีคิดค่าจ้างพนักงานรายวันและรายชั่วโมง
โดยประสบการณ์ของ ByteHR นอกจากคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีคิดเงินเดือนพนักงานรายเดือนแล้ว หากคุณกำลังมองหาวิธีคิดค่าจ้างพนักงานรายวันและรายชั่วโมง อย่างถูกต้องและเข้าใจง่าย สำหรับธุรกิจที่จ้างพนักงานแบบรายวัน หรือทำงานพาร์ทไทม์แบบรายชั่วโมง ก็มีเทคนิคง่าย ๆ ที่จะช่วยให้การจ่ายค่าจ้างถูกต้องและไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง
1. การคิดค่าจ้างพนักงานรายวัน
หลักการจะคล้ายกับการคิดเงินเดือนแบบไม่เต็มเดือน คือ จำนวนวันทำงานจริง x รายได้ต่อวันของลูกจ้าง และจะมีการหักเงินทั้งตามที่กฎหมายและบริษัทกำหนด
ตัวอย่าง นายคม มีรายได้วันละ 500 บาท มาทำงานตลอดเดือนรวม 20 วัน ก็จะเข้าสูตร 500 x 20 = 10,000 บาท ไม่รวมรายหักอื่น ๆ
2. การคิดค่าจ้างพนักงานรายชั่วโมง
จะเป็นการนำ ค่าจ้างต่อชั่วโมง x จำนวนชั่วโมงการทำงาน ซึ่งการหาค่าจ้างรายชั่วโมงให้ใช้วิธีนำค่าจ้างต่อวัน หาร 8 (ชั่วโมงทำงานตามกฎหมาย) เช่น มีรายได้วันละ 500 บาท เมื่อหาร 8 ก็จะได้เป็น รายได้ชั่วโมงละ 62.5 บาท เป็นต้น หากต้องการคำนวณเป็นรายเดือนก็ให้นำรายได้ต่อวัน คูณ จำนวนวันที่มาทำงานตลอดเดือน
ตัวอย่าง นายจาน มีรายได้ชั่วโมงละ 70 บาท ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ก็จะมีรายได้ 560 บาท / วัน ตลอดเดือนมาทำงาน 25 วัน ดังนั้นรายได้ต่อเดือนจะอยู่ที่ 14,000 บาท
วิธีคิดค่าทำงานล่วงเวลา หรือ OT
อีกเรื่องที่ขอแนะนำเพิ่มนั่นคือวิธีคิดโอที (Over Time) หรือที่เรียกกันว่าค่าทำงานล่วงเวลาตามหลักการก็ไม่ได้ยุ่งยาก ให้นำรายได้ต่อชั่วโมง คูณ 1.5 (3 เท่าของการทำงานปกติตามกฎหมายกำหนด) x จำนวนชั่วโมงที่ทำงานล่วงเวลาในวันนั้น ๆ
- ตัวอย่าง: นายช้าง ทำงานล่วงเวลา 3 ชั่วโมง โดยเขามีรายได้ชั่วโมงละ 70 บาท ก็จะคำนวณเป็น 70 x 1.5 x 3 = 315 บาท
นี่คือวิธีเบื้องต้นเกี่ยวกับการคำนวณเงินเดือนพนักงานรายเดือน ทั้งแบบเต็มเดือน ไม่เต็มเดือน รวมถึงวิธีคิดค่าจ้างพนักงานรายวันและรายชั่วโมง และการคำนวณ OT ซึ่งล้วนเป็นพื้นฐานที่เจ้าของธุรกิจควรเข้าใจ แม้โดยทั่วไปจะเป็นหน้าที่ของ HR แต่การรู้หลักวิธีคิดเงินเดือน และการคิดเงินเดือนพนักงานตามกฎหมาย จะช่วยให้เจ้าของกิจการควบคุมค่าใช้จ่ายได้แม่นยำยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการคิดค่าแรงรายเดือน หรือใช้สูตรคิดเงินเดือนแบบใดก็ตาม
หากต้องการความสะดวกและลดความผิดพลาด โปรแกรมเงินเดือน ByteHR ช่วยให้คุณคิดเงินเดือนพนักงานรายเดือน ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับการหักภาษี ประกันสังคม และวิธีคิดเงินเดือนตามกฎหมายแรงงานแบบอัตโนมัติ ทดลองใช้ได้ฟรี ช่วยให้การคิดเงินเดือนของคุณเป็นเรื่องง่ายและแม่นยำกว่าเดิม หรือติดต่อเรา เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญของ ByteHR